การออกแบบสไตล์ย้อนยุคสะท้อนโลกอนาคต รูปลักษณ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และคิวลูกค้าที่กระตือรือร้นที่หวังจะเป็นคนแรกที่จะได้มาครอบครอง นี่ไม่ใช่สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กที่น่าพกพาเหมือนกันก็ตาม แต่เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดยโรงงานไพค์ของนิสสัน ถึงแม้ว่ารถยนต์รุ่นเหล่านี้ไม่ได้ตีตลาดในวันนี้ แต่ตำนานของนิสสันไพค์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยปีค.ศ.1985

ด้วยแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตขึ้นและมุมมองที่สดใสสำหรับโลกอนาคต วงการดีไซน์ของญี่ปุ่นเริ่มเดินหน้าทดสอบแนวทางใหม่ๆ จากการออกแบบ จากดีไซน์แพคเกจจิ้ง ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น นิสสันพยายามที่จะผลิตรถยนต์นวัตกรรมใหม่ที่สร้างความท้าทายมาสู่ทีมนักออกแบบพิเศษภายในองศ์กรและนักออกแบบอิสระภายใต้โรงงานนิสสันไพค์ที่เพิ่งสร้างใหม่

ตื่นตาตื่นใจกับดีไซน์ทันสมัยที่ยังคงรำลึกถึงวันวาน

ทีมโรงงานไพค์ตัดสินใจล้มเลิกการออกแบบสไตล์เดิมๆที่กำลังเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ตัดสินใจพัฒนาแนวคิด “Nostalgic Modern” หรือการออกแบบทันสมัยที่ยังมีความรำลึกถึงความหลัง ซึ่งจะเป็นหลักการชี้นำพัฒนา Be-1 เช่นเดียวกันรถยนต์ไพค์อื่นๆ

Be-1 จะเน้นดีไซน์ที่ดูสนุกสนานและน่าตื่นเต้น ซึ่งต่างจากรถยนต์ทั่วไปในยุคสมัยนั้น ทีมงานของไพค์เชื่อว่ามีรถยนต์ที่สามารถเป็นที่นิยมของประชาชน แต่ก่อนอื่นต้องพิสูจน์ว่าการออกแบบนั้นคุ้มค่าที่จะได้รับโอกาสในการนำรถยนต์ที่สร้างขึ้นมาจากแนวคิด สู่การผลิตเต็มรูปแบบ

Exterior view of the Nissan Pao 3 door hatchback Pike car

ประชาชนพร้อมต้อนรับนิสสัน Be-1

รถยนต์นิสสัน Be-1 ออกตัวสู่โลกภายนอกในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 26 ในปีค.ศ. 1985 ซึ่งสร้างความฮือฮาอย่างมาก แทนที่จะถูกออกแบบเหมือนรถยนต์ทรงสี่เหลี่ยมเหมือนรุ่นทั่วไป รถยนต์Be-1 มีทรงที่โค้งมนและกะทัดรัดกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆที่ผ่านมา ทั้งรูปทรงเล็ก น่ารัก ทันสมัย และกลม ทำให้ผู้ซื้อรถยนต์ที่ญี่ปุ่นต่างคลั่งไคล้กันอย่างมาก เนื่องจากกระแสตอบรับที่ดีแบบล้นหลาม นิสสันจึงไม่สามารถเพิกเฉยความสนใจนี้ได้

เมื่อ Be-1 ถูกนำเข้าสู่การผลิตในปีค.ศ.1985 รถยนต์ถูกจำกัดให้ออกมาเพียงแค่ 10,000 คันเท่านั้น แต่มีจำนวนผู้สั่งซื้อล่วงหน้าที่เยอะมาก จนนิสสันต้องจัดตั้งระบบลอตเตอรี่สำหรับลูกค้าที่จองไว้ เพื่อช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้า นิสสันเปิดตัวรุ่นหลังคาผ้าแคนวาสในปีถัดไป ซึ่งขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน

Nissan Be-1 3 door hatchback Pike car

ผู้นำแนวทางใหม่ แห่งการดีไซน์รถยนต์

นิสสันได้มีแนวคิดที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการอนุมัติให้ออกแบบเพิ่มเติมในโรงงานไพค์ ความจริงแล้ว ชื่อ “ไพค์” (“Pike” หรือแปลว่า หอก) ได้รับเลือกขึ้นมาเพราะความหมาย เพื่อสื่อถึงแนวคิดความเป็นผู้ชี้นำการดีไซน์ที่แหวกแนวออกมาจากเดิม ดังนั้นโรงงานไพค์ได้ดำเนินการผลิตรถยนต์ Pao, Figaro และ S-Cargo

Nissan Pike cars

ถึงแม้ว่าจะได้ขื้อว่าเป็นรุ่นที่มีการผลิตออกมามีจำนวนจำกัด แต่นิสสันได้ทำการผลิตรถยนต์ไพค์อีกรุ่น คือ นิสสัน Pao ซึ่งผลิตออกมาได้ 50,000 คัน ซึ่งขายหมดภายใน 3 เดือนในช่วงการสั่งซื้อล่วงหน้า รถยนต์ Pao มีหลังคาผ้าแคนวาส เพื่อสร้างสปิริตความเป็นรถยนต์สำรับนักผจญภัยที่มีดีไซน์ย้อนยุคทั้งในและนอก ถึงแม้จะผลิตออกมาในช่วงยุค1990ต้นๆ แต่ รถยนต์ Pao สามารถเทียบเท่ารถยนต์รุ่นคลาสสิกรุ่นอื่นๆ ในงานโชว์ต่างๆ

Nissan Pao 3 door hatchback Pike cars

Figaro พาเรากลับไปสู่โลกอนาคต

Interior of the Nissan Figaro Pike car

นิสสัน Figaro ได้เข้าร่วมกับรถรุ่น Pao ในปีค.ศ.1991 รถยนต์ Figaro ยังคงเป็นผู้นำด้านอุตสหกรรมยานยนต์ โดยเริ่มพัฒนาจากทีมที่สร้างขึ้นจากผู้หญิงเป็นหลัก ในขณะที่ Be-1 และ Pao ถูกออกแบบมาในทุกคนนึกถึงยุค ’50 รถรุ่น Figaro ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถ Datsun Roadster ของปีค.ศ.1935 และแฟชั่น Art Deco ในยุค ’30

รถเปิดประทุนหลังของนิสสันทำการตลาดได้อย่างไร้ที่ติในงานโตเกียว ออโต้โชว์ ด้วยสโลแกน​ “Back to the future” หรือ “กลับสู่โลกอนาคต” รถยนต์ Figaro นำเสนอคุณสมบัติเช่น การออกแบบไตล์ยุโรป เบาะหนัง และเครื่องเล่นซีดี Figaro เป็นการผสมผสานที่ลงตัวของความหรูหราคลาสสิกและเทคโนโลยีล้ำสมัย อย่างที่คุณได้เดาไว้แล้ว รุ่น Figaro จำหนายหมด 20,000 คันก่อนที่จะออกถนนใหญ่เสียอีก ถ้าใครไม่ได้รีบซื้อตอนนั้น คงหมดหวัง เพราะนิสสันผลิตรุ่น Figaro แค่ปีนั้นปีเดียว

Exterior view of the Nissan Figaro 2+2 convertible
Exterior view of the Nissan S-Cargo delivery van

สะดุดตากับ S-Cargo

เพื่อไม่ให้ภาคการค้าน้อยใจ โรงงานไพค์ได้ออกแบบรถยนต์ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนานของยานพาหนะของนิสสัน อาจไม่ใช่รถที่ทรงพลังบนท้องถนน แต่ดีไซน์สะดุดตาไม่เหมือนใครแน่นอน

เมื่อนิสสัน S-Cargo ออกสู่ตลาดในเดือนมกราคม ปีค.ศ. 1989 มาพร้อมกับความน่ารักที่มีความแตกต่างจากรถการค้าทั่วไป ชื่อของรุ่นรถยนต์เป็นการหยอกล้อคำว่า “escargot” (ภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “หอยทาก”) ถูกออกแบบออกมาให้ดูเหมือนหอยทาก และประทุนหลังทรงโดมที่มีความสูงถึง 48 นิว สามารถให้คุณขนของได้จำนวนพอสมควร นอกจากนั้นแล้ว ยังมีลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ เช่นถาดซูชิที่ถอดออกได้ ใช่! ถาดซูชิถอดออกได้! และหน้าปัดที่เหมือนโต๊ะ และพรมปูพื้นธีมหอยทาก

ถึงแม้จะมีรูปลักษณ์ที่แปลกตาที่อาจจะไม่ถูกใจทุกคน รถยนต์นิสสัน S-Cargo เป็นรถที่หาดูได้ยากมากในยุคปัจจุบัน

Interior and exterior view of the Nissan S-Cargo delivery van

นักสะสมรถทำให้รถยนต์ไพค์ยังคงมีความนิยมอยู่

เนื่องจากรถไพค์พร้อมสำหรับการส่งออก รถยนต์รุ่นเหล่านี้ได้เริ่มปรากฎตัวบ่อยขึ้นในประเทศอเมริกา สหราชอานาจักรอังกฤษและยุโรป ในประเทศอังกฤษตอนนี้ได้มีการใช้รถรุ่น Figaro อยู่ 3,000 คัน ด้วยจำนวนผลิตแค่ 20,000 คัน ดังนั้น คนอังกฤษจึงเป็นเจ้าของรถรุ่น Figaro ถึง 15% ของทั้งหมดที่เคยทำ จึงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าประเทศอังกฤษจะมีสมาคมรถยนต์ Figaro ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในขณะที่รถยนต์ไพค์นั้นสามารถนำเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เพียงไม่กี่ปี แต่ก็ได้รับความสนใจอย่างกระตือรือร้น การหารถไพค์ทางช่องทางออนไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่เนื่องจากมีจำนวนรถยนต์ที่ไม่เยอะมาก รถยนต์ไพค์กลับมาสู่สถานะที่เป็นที่ต้องการสูงอีกครั้ง

รถยนต์ไพค์ยังคงอยู่ในหัวใจของคนรักรถที่ชื่นชอบในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และมุมมองที่สดใสที่สะท้อนออกมา ตอนนี้คนขับรถรุ่นใหม่เพิ่งเริ่มค้นพบรถยนต์เหล่านี้ ในขณะที่กำลังสงสัยว่ารถยนต์คลาสสิกพวกนี้ถูกผลิตออกมาเมื่อไหร่กันแน่

การคิดให้นอกกรอบเหลี่ยมๆ

รถยนต์ไพค์เป็นครั้งแรกที่นิสสันได้ออกนำแนวทางที่มุ่งเน้นจากการออกแบบ และยึดมั่นในแนวคิดต้นแบบ แทนที่จะประนีประนอมกับสิ่งรอบข้าง เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ นิสสันจึงสรรหาแนวทางผลิตแบบใหม่ ​โดยการใช้เทอร์โมพลาสติกเรซินในครั้งแรกในรถยนต์ไพค์เพื่อสร้างรูปทรงโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของรถแต่ละคัน

เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการผลิตขนาดเล็ก นิสสันจึงต้องปรับปรุงกระบวนการวางแผนและกระบวนการผลิตทั้งหมด ด้วยใช้ชิ้นส่วนที่มีอยู่แล้วและใช้วัสดุใหม่ นิสสันสามารถผลิต Be-1 เสร็จภายใน 1 ปี จากโต๊ะออกแบบไปยังโชว์รูมได้ในครึ่งเวลาหนึ่งของรถยนต์อื่นๆ