นิสสัน และ สำนักออกแบบ อิตัลดีไซน์ เปิดตัว รถต้นแบบ จีที-อาร์ (GT-R) อัลตร้า-ลิมิเต็ด
รถต้นแบบสร้างบนพื้นฐานของนิสสัน จีที-อาร์ นิสโม รุ่นปี 2018 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของทั้งจีที-อาร์ และ อิตัลดีไซน์
โยโกฮามา, ประเทศญี่ปุ่น / ตูริน, ประเทศอิตาลี : นิสสัน และ อิตัลดีไซน์ (Italdesign) ร่วมมือกันครั้งแรกเพื่อสร้างสรรค์รถยนต์ต้นแบบ นิสสัน จีที-อาร์50
รถต้นแบบสร้างบนพื้นฐานของนิสสัน จีที-อาร์ นิสโม รุ่นปี 2018 รถรุ่นสุดเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของทั้งจีที-อาร์ และ อิตัลดีไซน์ และพร้อมเผยโฉมเป็นครั้งแรกเดือนสิงหาคมนี้ที่ยุโรป
"หลายๆ ครั้งที่มีคำถามว่าถ้าเราสร้าง GT-R โดยไม่มีข้อจำกัด และจะสร้างมันขึ้นมาจริงๆ มันจะออกมาเป็นยังไง" มร. อัลฟอนโซ อัลไบซา รองประธานอาวุโสฝ่ายออกแบบของนิสสัน กล่าว "นี่ยังเป็นเวลาที่หาได้ยากมากๆ เมื่อช่วงเวลาที่สำคัญ ทั้งสองช่วงจะมาบรรจบกัน ไม่ว่าจะเป็น วาระ 50 ปี ของอิตัลดีไซน์ หนึ่งในผู้สรรค์สร้างโลกยานยนต์ และ วาระ 50 ปีของ จีที-อาร์ รถยนต์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของนิสสันที่สร้างความตื่นเต้นให้กับโลก ดังนั้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระที่สำคัญทั้งสองนี้ นิสสัน และ อิตัลดีไซน์ จึงสร้างสรรค์ จีที-อาร์ รุ่นพิเศษ เพื่อฉลองการครบรอบ 50 ปีในการเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมนี้"
อิตัลดีไซน์ รับหน้าที่ในการพัฒนา งานวิศวกรรม และการสร้างสรรค์รถ ขณะที่การออกแบบภายนอกและภายในอันโดดเด่นได้รับการสร้างสรรค์จากทีมงานที่ หน่วยงานออกแบบของนิสสันของยุโรป ในกรุงลอนดอน และ หน่วยงานออกแบบของนิสสันในสหรัฐอเมริกา
ที่สุดของการออกแบบ
เริ่มต้นที่บริเวณส่วนหน้า นิสสัน จีที-อาร์50 โดย อิตัลดีไซน์ มีส่วนประกอบที่ใช้สีทองตกแต่งซึ่งทอดยาวเกือบเต็มในส่วนความกว้างของตัวรถ ฝากระโปรงมีความโดดเด่นชัดเจนมากขึ้น พร้อมไฟหน้า LED รูปทรงเพรียงบาง ลากยาวจากแนวล้อหน้าไปจนถึงริมแผงหน้าที่เป็นช่องระบายความร้อน
ขณะที่ด้านข้าง แนวเส้นหลังคา (roofline) ได้ปรับลดลง 54 มิลลิเมตรเสริมให้มีความโดดเด่นมากขึ้น พร้อมลดความสูงในส่วนตรงกลาง ขณะที่ส่วนนอกปรับยกขึ้นเพื่อให้ความแข็งแกร่งของหลังคา นอกจากนี้ช่องระบายความร้อนด้านหลังล้อ ทรง "ดาบซามูไร" อันเป็นสัญลักษณ์ จีที-อาร์ ถูกเสริมความโดดเด่นขึ้นด้วยการใช้แผ่นสีทอง และขยายจากด้านล่างของประตูไปที่เส้นข้างของตัวรถ (Shoulder line)
ส่วนด้านหลังของตัวรถ ถูกไฮไลต์ด้วยการเสริมความกว้าง และ เส้นสายที่ให้ความแข็งแกร่งรอบๆล้อ สายข้างที่ลู่ลงบริเวณหน้าต่างด้านหลังถูกดึงเข้าหาจุดกึ่งกลางของฝากระโปรงท้าย ด้วยการออกแบบที่น่าทึ่งนี้ ทำให้หน้าต่างด้านหลังจะมีระยะที่ยาวขึ้นและลึกกว่ารถรุ่นมาตรฐาน ซึ่งเมื่อรวมกับการใช้ชิ้นส่วนสีทอง ส่งผลให้มีความโดดเด่นมากขึ้นในส่วนด้านหลังของตัวรถ
ไฟท้ายทรงกลมคู่เอกลักษณ์ของจีที-อาร์ ได้รับการขยายให้ ลอยตัว และ แยกห่างกัน จากการใช้วงแหวนบางๆ และปรับลดส่วนกลางให้ลึกลง ติดตั้งบริเวณมุมนอกและตรงกลางของฝาท้ายด้านหลัง ขณะที่ ปีกหลังขนาดใหญ่ที่ปรับองศาได้ถูกติดตั้ง เสริมความดุดัน ล้อที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษ ขนาด 21 x 10 นิ้ว ด้านหน้า และ 21 x 10.5 นิ้ว สำหรับ ด้านหลัง สร้างความโดดเด่นของรถ มาพร้อมสี Liquid Kinetic Grey สำหรับภายนอก ที่สอดแทรกโทนสีทอง Energetic Sigma Goldสำหรับการเฉลิมฉลอง
สำหรับภายในของ จีที-อาร์50 อิตัลดีไซน์ ออกแบบให้สื่อถึงความทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ สองชนิดที่แตกต่างกันไป เต็มบริเวณแผงคอนโซลกลาง แผงหน้าปัดและวัสดุที่ใช้บุพื้นผิว รวมถึง วัสดุอัลคานทารา (Alcantara) สีดำและเบาะนั่งหนังแท้จากอิตาลีสีดำ พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุสีทอง ในโทนเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอก บริเวณแผงหน้าปัดประตูและสวิตช์ต่างๆที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถในอนาคต ขณะที่พวงมาลัยที่ทำขึ้นเฉพาะ ที่บริเวณแกนกลางและวงพวงมาลัยของทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยหุ้มด้วยวัสดุอัลคานทารา
สมรรถนะที่เพิ่มมากขึ้น
ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ นิสสัน จีที-อาร์ 50 จากอิตัลดีไซน์ ถือเป็นการร่วมมือกันทางธุรกิจ จากประสบการณ์การแข่งรถในคลาสจีที3 (GT3) และนิสสัน มอเตอร์สปอร์ต หรือ นิสโม (NISMO) ได้พัฒนาเครื่องยนต์ แบบ วี 6 ขนาด 3.8 ลิตร ที่ประกอบด้วยมือของผู้เชี่ยวชาญอย่าง VR38DETT ให้กำลังสูงสุดกำลัง 720 ps และให้แรงบิดสูงสุดถึง 780 Nm
เครื่องยนต์ถูกพัฒนาโดยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศด้วยเทอร์โบชาร์เจอร์ขนาดใหญ่เช่นเดียวกับรถจีที3 ที่ใช้สำหรับการแข่งขันปรับขนาดอินเตอร์คูลเลอร์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เพลาข้อเหวี่ยง ลูกสูบ และแบริ่ง แบบทนทานต่อการใช้งานหนัก ปรับองศาเพลาลูกเบี้ยว หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง และการปรับตั้งการจุดระเบิด ระบบไอดีและไอเสีย รวมถึง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบซีเควนเชียล ดูอัลคลัตช์ 6 สปีด พร้อมเฟืองท้ายที่ส่งพละกำลังลงสู่ทุกๆล้อ
สำหรับช่วงล่างจีที-อาร์50 ใช้Bilstein® DampTronic) ผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งได้ ระบบเบรกของ (Brembo® แบบคาลิปเปอร์ 6 สูบที่ด้านหน้าและ 4 สูบที่ด้านหลัง มองเห็นคาลิเปอร์สีแดง สำหรับยางสมรรถนะสูงใช้ มิชลิน ไฟลอต ซูเปอร์สปอร์ต (Michelin Pilot Super Sport) ขนาด 255/35 R21 ที่ด้านหน้าและ 285/30 R21 ที่ด้านหลังเพิ่มสมรรถนะการยึดเกาะซึ่งจำเป็นต่อการรองรับพละกำลังของเครื่องยนต์ได้อย่างดี
"แม้ว่านี่จะไม่ใช่รุ่นต่อไปของจีที-อาร์ แต่นับเป็นการเฉลิมฉลองที่น่าตื่นเต้นของทั้งสองแบรนด์ในรูปแบบเร้าใจและสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นการรวมระหว่าง แพลตฟอร์มด้านวิศวกรรมที่ดีที่สุดของ Nissan และการออกแบบของญี่ปุ่น กับการปรับแต่งในรูปแบบจากอิตาลี" มร. อัลไบซา กล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติมของ นิสสัน จีที-อาร์ 50 โดยอิตัลดีไซน์ http://gt-r50.nissan
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.77 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.9 ล้านล้านเยน ในวันที่ 1 เมษายน 2560 บริษัทฯ เริ่มดำเนินการแผนกลยุทธ์ระยะกลาง Nissan M.OV.E. to 2022 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจ 6 ปีที่มีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 30% เป็นมูลค่า 16.5 ล้านล้านเยน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 โดยมีกระแสเงินสดสะสมจำนวน 2.5 ล้านล้านเยน ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นิสสันมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรถยนต์นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.6 ล้านคันในปี 2560
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube