นิสสัน ฟิวเจอร์ส 2019 นำเสนอเทรนด์การขับเคลื่อนในเอเชียและโอเชียเนีย
ผู้เชี่ยวชาญชี้ ความปลอดภัย เทคโนโลยีที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง และพลังงานกริดถือเป็นปัจจัยสำคัญของการขับเคลื่อนในภูมิภาค
ฮ่องกง 14 มีนาคม 2562 – งานนิสสัน ฟิวเจอร์สที่ฮ่องกงนำเสนอสามเทรนด์การขับเคลื่อนในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย ได้แก่ ยานพาหนะที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ บทบาทของมนุษย์ในระบบการขับขี่แบบไร้คนขับ และความสำคัญของความปลอดภัยในนวัตกรรมการขับเคลื่อน
งานนิสสัน ฟิวเจอส์ครั้งที่เจ็ดจัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 – 10 มีนาคม ณ เกาะฮ่องกง ภายใต้หัวข้อ “เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการขับขี่” ในงานมีตัวแทนจาก 13 ประเทศมารวมตัวกันเพื่อเสวนาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของ ยานยนต์ เมือง และเทคโนโลยีการขับเคลื่อน โดยตัวแทนจากภาครัฐ ผู้นำในโลกธุรกิจ และผู้บริหารนิสสันหารือกันเรื่องอนาคตของเมืองและการขับเคลื่อน
1. ยานพาหนะในรูปแบบของแหล่งพลังงานเคลื่อนที่
ผู้ร่วมเสวนาร่วมกันอภิปรายว่ามุมมองต่อยานยนต์ไฟฟ้าจะเปลี่ยนจากยานพาหนะ เป็นแหล่งพลังงานสำหรับบ้านเรือนและคืนพลังงานไปพลังงานกริดได้หรือไม่
“หากรถยนต์ถูกมองว่าเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่เป็นหลัก และยานพาหนะเป็นรอง เราจะปฏิบัติกับมันด้วยวิธีที่ต่างออกไปหรือไม่” ทิม วอชิงตัน ผู้ก่อตั้งบริษัท เจ็ท ชาร์จ ออสเตรเลียกล่าวในการเสวนา เรื่อง “การเปลี่ยนวิถีชีวิต” เมืองแห่งอนาคต
นิโคลัส โทมัส ผู้อำนวยการโลกฝ่ายยานยนต์ไฟฟ้านิสสันชี้ว่าการขับเคลื่อนไฟฟ้าอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในตลาดพลังงาน นอกจากนั้นยังได้แสดงให้เห็นถึงการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานสำหรับบ้าน ออฟฟิศ และพลังงานกริด
2. มนุษย์ยังคงต้องเป็นศูนย์กลางในการขับขี่และเทคโนโลยีแห่งอนาคต
ปัจจุบัน การขับขี่แบบไร้คนขับยังคงเน้นที่เทคโนโลยี อย่างไรก็ตามผู้ร่วมเสวนาเห็นพ้องว่ามนุษย์ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนวิถีชีวิตและการขับเคลื่อน
“มนุษย์เรามีความรู้สึกนึกคิด และนี่คือสิ่งที่รถยนต์ต้องการ ดังนั้นการขับขี่แบบไร้คนขับคือการที่มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับรถยนต์” หากมนุษย์ไม่มีส่วนร่วมในระบบ ระบบนั้นก็ไร้ประสิทธิภาพ” มาร์เทน เซียร์แฮทซ์ หัวหน้าผู้อำนวยการเทคโนโลยี ศูนย์วิจัยนิสสัน ณ ซิลิคอนแวลลีย์ กล่าว
“แน่นอนว่าเราต้องการประสิทธิภาพ แต่สไตล์และสีสันของการใช้ชีวิตก็ยังต้องคงอยู่” เลโอนิโด ปูลิโด้ ที่สาม ผู้ช่วยเลขาธิการ กระทรวงพลังงาน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ กล่าว
3. ก้าวต่อไปของการขับเคลื่อนอย่างชาญฉลาดคือ การเสียชีวิตเป็นศูนย์
การเสวนาเรื่องอนาคตการขับขี่ได้นำเสนอว่าการทำให้ความปลอดภัยไร้อุบัติเหตุเป็นหัวใจหลักของนวัตกรรมการขับขี่
“การขับเคลื่อนอัจฉริยะจะช่วยพัฒนาสังคมในหลาย ๆ ด้าน โดยจะมุ่งเน้นไปที่การลดการบาดเจ็บและเสียชีวิต อุบัติเหตุทางถนนถือเป็นปัญหาระดับโลก ทุก ๆ 25 วินาทีจะมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ” ลิม ฟาฮิมา ผู้ร่วมเสวนาจากควีนไรด์ส จากอินโดนีเซีย กล่าว “เราต้องการทางออกแบบครบวงจรซึ่งมีเป้าหมายหลักในการลดอุบัติทางรถยนต์”
“นิสสันภูมิใจที่ได้จัดตั้งเวทีสำหรับการเสวนาเรื่องเทรนด์การขับเคลื่อนในงานนิสสัน ฟิวเจอร์ส 2019 การขยายตัวของเมือง และความแออัดทำให้เกิดแรงกดดันในสังคม ดังนั้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการทำให้สังคมเราน่าอยู่ ในฐานะผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย เพื่อช่วยเปลี่ยนวิถีชีวิตและการขับขี่” ยูตากะ ซานาดะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส นิสสัน เอเชียและโอเชียเนีย กล่าว
นิสสันได้ประกาศในงานนิสสัน ฟิวเจอร์ส ว่าจะมีการจำหน่ายนิสสัน ลีฟ ใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ภายในปี 2020 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของนิสสันในการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแผนระยะกลาง Nissan M.O.V.E. to 2022 นิสสันต้องการให้ผู้บริโภคเข้าถึงการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของยอดขายในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย รวมถึงการจัดหาวัตถุดิบ และประกอบชิ้นส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในภูมิภาค
งานนิสสัน ฟิวเจอร์สจัดขึ้นพร้อมกับงานแข่งขันฮ่องกง อี ปรีซ์ 2019 ซึ่งนิสสันได้ส่งรถยนต์ไฟฟ้าจากทีม นิสสัน อี.แดมซ์ เข้าร่วมการแข่งขันสองคัน ซึ่งแสดงถึงการนำเทคโนโลยีจากรถแข่งประสิทธิภาพสูงไปสู่ตลาดรวม
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.77 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.9 ล้านล้านเยน ในวันที่ 1 เมษายน 2560 บริษัทฯ เริ่มดำเนินการแผนกลยุทธ์ระยะกลาง Nissan M.O.V.E. to 2022 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจ 6 ปีที่มีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 30% เป็นมูลค่า 16.5 ล้านล้านเยน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 โดยมีกระแสเงินสดสะสมจำนวน 2.5 ล้านล้านเยน ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นิสสันมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรถยนต์นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.76 ล้านคันในปี 2561
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube