เราจะเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและการขับขี่ในปีใหม่นี้
ยูตากะ ซานาดะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส นิสสัน มอเตอร์ ภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทนิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด
ในช่วงปีใหม่หลายๆ คนพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตทั้งเรื่องงาน และส่วนตัวให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สังคมดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนตัวผมเองในฐานะรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส นิสสัน มอเตอร์ ภูมิภาคเอเชีย และโอเชีเนีย ทำให้ความสนใจพิเศษของผมมุ่งเน้นไปในเรื่องการส่งเสริมความปลอดภัย นวัตกรรมใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอุตหกรรมยายนต์สู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ผมจึงมีความปรารถนาในปีใหม่นี้ที่จะให้ผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์หันมาเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอาจจะฟังดูเป็นเรื่องของตัวแทนผู้ผลิตยานยนต์ แต่เมื่อมองถึงอนาคตข้างหน้าวิถีชีวิตของคนเอเชียในสังคมเมืองใหญ่ การก้าวสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเป็นเรื่องที่สร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์อย่างมากมาย
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า: แนวทางสำหรับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเมืองในเอเชีย
การพัฒนาของประเทศในเอเชียเป็นไปอย่างก้าวกระโดด มากกว่าส่วนอื่นๆของโลก หลายๆ เมืองในภูมิภาคนี้ยังคงมีการเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดของภูมิภาคนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเป็นเมือง ในปี 2561 ผู้ที่อยู่อาศัยในเมือง ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง และสาธารณูปโภค รวมถึงการจราจร และปัญหาสภาพอากาศ สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ และโรคภัยต่างๆ มากมาย มีหลักฐานบ่งชี้ว่าคนเดินเท้าที่สัญจรร่วมบนท้องถนนจะได้รับมลพิษที่มีอนุภาคความละเอียดสูงกว่า ผู้คนในยุโรปและอเมริกาสูงถึง 1.6 เท่า โดยผลการวิจัยยังพบว่าประมาณร้อยละ 88 ของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของผู้ที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางในเอเชีย มาจากมลพิษทางอากาศตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO)
เมื่อมีรถยนต์บนถนนมากขึ้น มลพิษทางเสียงก็เป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นของคนเมือง องค์การอนามัยโลกระบุว่าการได้รับระดับสียงโดยเฉลี่ยในระยะยาว ที่มีระดับสูงกว่า 53 เดซิเบล (dB) คล้ายกับเสียงจากถนนที่เต้มไปด้วยการจราจรสามารถทำให้เกิดภาวะ ความดันโลหิตสูงโรค หลอดเลือดหัวใจตีบ และหัวใจวาย – ยกตัวอย่างเช่นในกรุงเทพฯ ที่มีระดับเสียงที่บันทึกไว้โดยปกติทุกวันถึง 73 เดซิเบล (dB).
รถยนต์ไฟฟ้า ถูกนำเสนอเพื่อเป็นทางออกในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ในเอเชีย และโอเชียเนีย ข้อมูลจาก Wood Mackenzie บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานทั่วโลก กล่าวว่า “รถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลางทั่วไปสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ได้ถึง 67% เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ตามกระบวนการวัดประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงโดยรวม หรือ well-to-wheel (ปัจจัยที่เริ่มตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า และการขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้า)”
จากผลการสำรวจนี้ ผมมีความภาคภูมิใจที่นิสสัน เป็นส่วนหนึ่งของผู้บุกเบิกในยานยนต์ไฟฟ้าของเอเชีย และโอเชียเนีย นิสสันได้ดำเนินการไปสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในเอเชียและโอเชียเนียในปี2561 ผ่านกิจกรรมที่มุ่งแสดงความเป็นผู้นำทางความคิด ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ การร่วมกับภาคอุตสาหกรรม การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ ใหม่ ในตลาดระดับของภูมิภาค 7 แห่ง อาทิ ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และ ไทย ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2010 นิสสัน ลีฟ ได้เดินทางโดยไม่มีการปล่อยมลพิษมากกว่า 5 พันล้านกิโลเมตร
นิสสัน ลีฟ ใหม่ กำลังวางตลาดใน 7 ประเทศในเอเชียและโอเชียเนีย สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เพื่อความยั่งยืนที่มากขึ้นในอนาคต และ ”การใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้ส” ของเอเซีย
การก้าวไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นอย่างหลากหลาย
นอกจากงานของนิสสันในด้านนี้แล้ว ในปีที่ผ่านมายังเป็นบทพิสูจน์อีกปีหนึ่ง ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความท้าทายในอนาคตของเอเชียได้แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนด้านพลังงานที่ยั่งยืน ทุกรัฐบาลทั่วเอเชียให้การสนับสนุนโดยออกนโยบายสาธารณะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เช่นนโยบายส่งเสริมการผลิตรถโดยสารประจำทางที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในพม่าและการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มรูปแบบสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในเกาหลี
นอกจากนี้ ชุมชน และภาคเอกชนอื่นๆ ในภูมิภาค ยังแสดงบทบาทความเป็นผู้นำในการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทยโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ หรือ Honor the King’s Legacy” ซึ่งเป็นการสร้างชุมชนให้มีทักษะ ในการรีไซเคิลขยะให้เป็นศิลปะเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนขึ้น หรือ บริษัทจัดส่งพัสดุ เช่น ดีเอชแอล อีคอมเมิร์ซ (DHL eCommerce) เริ่มทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าในมาเลเซียและเวียดนามเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในงานด้านโลจิสติกส์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 หรือ ค.ศ. 2050
ในขณะที่กระแสการเปลี่ยนแปลงจากภาคประชาชน และเอกชน เห็นได้อย่างชัด เช่น นโยบายส่งเริมการลงทุนโดยภาครัฐ ภาคเอกชนเริ่มลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรมการผลิตสมัยใหม่ เช่น นิสสันที่ให้ความสำคัญในการลงทุนสำหรับรถยนต์พลังานไฟฟ้าซึ่งจะช่วยผลักดันในอุตสหกรรมยานยนต์ไปสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
2562 ปีแห่งความคิดที่ยั่งยืน
ในปีใหม่นี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการปรับเปลี่ยนความคิดในการดำเนินชีวิตเพื่อความยั่งยืน และอนาคตที่ดีกว่าเดิม นักวิจัยหลายคนให้ความเห็นว่าพฤติกรรมจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีการปฎิบัติอย่างต่อเนื่องโดยไม่พะวงอยู่แต่กับความคิด เช่น ฝึกฝนตนเองให้มองซ้ายมองขวาก่อนข้ามถนน หรือคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อขึ้นรถจนเป็นนิสัย
เพียงเปลี่ยนแนวคิดใหม่ในปีนี้ ก็เป็นการก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนแล้ว และข่าวดีกว่านี้ก็คือ สังคมก็ได้มอบทางเลือกใหม่เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการลดใช้พลังงาน และเพิ่มการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การส่งเสริมให้คนให้มาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า การใช้แอปพลิเคชั่นเรียกรถสาธารณะ การได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต่างๆ สิ่งเหล่านี้ร่วมเป็นส่วนช่วยให้เราก้าวเข้าสู่วิถีชีวิตที่ยั่งยืน
ยังมีงานวิจัยที่ค้นพบว่า คนเราใช้เวลาเพียง 21 – 66 วัน ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งหากเราต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อในสังคมที่เราอยู่ปราศจากมลพิษ เราจะใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือนเท่านั้น เช่น ฝึกให้ตัวเองปิดไฟทุกครั้งเมื่อออกจากห้อง เป็นต้น
ในเอเชีย จำเป็นมากที่เราจะต้องนำแนวคิดเรื่องความยั่งยืนมาใช้ ผมอยากขอให้เราทุกคนลองพิจารณาว่า เราต้องการสังคมแบบไหนสำหรับอนาคตของพวกเราและสำหรับคนรุ่นหลัง ที่ที่เราสามารถเพลิดเพลินกับอากาศบริสุทธิ์ และวิถีชีวิตที่สงบและมีความผ่อนคลายในเขตเมือง ณ ตอนนี้เป็นเวลาในการปรับทางเลือกในกิจกรรมแต่ละวันของเรา รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างกรอบความคิดใหม่ๆ ที่ที่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นทางที่ได้รับการยอมรับและได้รับการชื่นชอบสำหรับการเดินทางต่างๆ
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.77 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.9 ล้านล้านเยน ในวันที่ 1 เมษายน 2560 บริษัทฯ เริ่มดำเนินการแผนกลยุทธ์ระยะกลาง Nissan M.OV.E. to 2022 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจ 6 ปีที่มีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 30% เป็นมูลค่า 16.5 ล้านล้านเยน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 โดยมีกระแสเงินสดสะสมจำนวน 2.5 ล้านล้านเยน ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นิสสันมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรถยนต์นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.6 ล้านคันในปี 2560
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube