นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน – นิสสันแสดงวิสัยทัศน์ด้านการเคลื่อนที่ในอนาคต ในงาน CES Asia 2019 ด้วยการนำเสนอ เทคโนโลยีที่ใช้คลื่นสมองและการผสานโลกความเป็นจริง และโลกเสมือนจริงเพื่อช่วยผู้ขับขี่

นิสสันแสดงเทคโนโลยี Invisible-to-Visible หรือ I2V เทคโนโลยี Brain-to-Vehicle หรือ B2Vรวมถึง IMs รถยนต์ต้นแบบที่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนแบบ all-wheel-drive (AWD) ที่งานแสดงสินค้า ณ นครเซี่ยงไฮ้ การจัดแสดงนวัตกรรมเหล่านี้เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกของ Nissan Intelligent Mobility ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของแบรนด์ แก่ลูกค้า ที่เปลี่ยนวิธีขับเคลื่อนยานยนต์ เปลี่ยนวิถีในการขับขี่ รวมถึงการบูรณาการเข้ากับสังคม

 “ที่นิสสันเรามุ่งมั่นการพัฒนานวัตกรรมให้ก้าวไกลกว่าคนอื่นเสมอ” รอย เดอ วีรส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของนิสสัน (Roel De Vries - Senior Vice President for Marketing) กล่าว “ เราไม่เพียงแต่คาดการณ์แนวโน้ม และเทคโนโลยีในอนาคตเท่านั้น เรายังเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีควรมีส่วนแก้ปัญหาที่มีอยู่ในโลกรวมถึงสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนให้มากที่สุด นี่คือแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังของ Nissan Intelligent Mobility วิสัยทัศน์ของนิสสันในการขับเคลื่อนผู้คนไปสู่โลกที่ดีกว่า”

เทคโนโลยี Invisible-to-Visible (I2V)

ด้วยการผสานโลกที่แห่งความเป็นจริง และโลกเสมือนจริง เทคโนโลยี Invisible-to-Visible (I2V) สามารถช่วยให้คนขับรถ "มองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น" แม้กระทั่งสิ่งที่อยู่ตามมุมรอบๆ หรือหลังอาคาร ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์ภายใน และภายนอกรถเข้ากับข้อมูลจากคลาวด์ทำให้ I2V ไม่เพียง แต่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ยังสามารถคาดการณ์ในเหตุที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าว่า ช่วยเพิ่มความั่นใจให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย

การใช้รถยนต์ที่มีการเชื่อมต่อถึงขั้นสุดยอดนี้จะสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ขับขี่ ผ่านการคำแนะนำในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ รวมถึงอวตารที่สามารถปรากฏตัวในรถยนต์ได้ การเข้าถึงโลกเสมือนจริงนี้สามารถนำมาซึ่งวิธีการติดต่อสื่อสารอีกมากมาย

เทคโนโลยี I2V ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีหลายอย่าง อาทิ: ProPILOT ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ เทคโนโลยี Omni-Sensing ที่ให้ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบ SAM หรือ Seamless Autonomous Mobility เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับสภาพถนน สำหรับระบบนี้ได้ทำการทดสอบภาคสนามไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่สนามทดสอบของนิสสันในเมืองโยโกะสึกะ ประเทศญี่ปุ่นโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบ 5G

เทคโนโลยี Brain-to-Vehicle หรือ B2V

เทคโนโลยี Brain-to-Vehicle (B2V) ของนิสสัน ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการนำสัญญาณจากสมองของผู้ขับขี่เพื่อช่วยเหลือในการขับขี่

ด้วยการคาดการณ์ปฏิกิริยาของผู้ขับขี่ เทคโนโลยี B2V สามารถช่วยการควบคุมรรถได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังเรียนรู้รูปแบบการผู้ขับขี่และปรับเปลี่ยนเพื่อลดความรู้สึกไม่สบายของผู้ขับขี่

โดยในงาน CES Asia 2019 นี้จะจัดแสดงเครื่องจำลองการขับขี่ หรือ ซิมูเลเตอร์ ให้ผู้เข้าชมเข้าใจถึงการทำงานของ B2V อีกด้วย

รถยนต์ต้นแบบ IMs

นิสสัน ไอเอ็มเอส (Nissan IMs) เปิดตัวในงาน 2019 North American International Auto Show เป็นรถยนต์ต้นแบบคันล่าสุดที่มีใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนในแบบ AWD สร้างเซ็กเมนต์ใหม่ ที่เรียกว่า - "สปอร์ตซีดานแบบยกสูง” หรือ "“elevated sports sedan.”

IMs ใช้แนวคิดและเทคโนโลยีจาก Nissan Intelligent Mobility ในคุณสมบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น  แพลตฟอร์มใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน และยังเป็นรถต้นแบบคันแรกที่มีเทคโนโลยี Invisible-to-Visible  หรือ I2V

“ประเทศจีนเป็นตลาดที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี ดังนั้น จึงเป็นเรื่องเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับนิสสัน ที่จะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของ Nissan Intelligent Mobility ในงาน CES Asia นี้” มาโกโตะ อุจิดะ รองประธานอาวุโส และ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารของนิสสัน ประเทศจีน (Makoto Uchida - Senior Vice President & chairman of Nissan’s management committee for China) กล่าว “ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ จะทำให้ลูกค้าของเรามีชีวิตที่ดีขึ้นและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจของเรา”

สำหรับงาน CES Asia 2019 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 มิถุนายน ณ Shanghai New International Expo Center (SNIEC) และโรงแรม Kerry ในเขตผู่ตงใหม่ นครเซี่ยงไฮ้ ผู้สนใจสามารถเข้าชมการจัดแสดงของนิสสันได้ฮอลล์หมายเลข N4

 

เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์  นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ  เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่   สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง   มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น  ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์  รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน  รถกระบะ และรถตู้ 

 

เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด

นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2561 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.52 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.6 ล้านล้านเยน สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559  ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.76 ล้านคันในปี 2561

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube