ราคาเริ่มต้น
นิสสันเผย 5 เคล็ดลับ ของนิสสัน เทอร์ร่า
การขับขี่ในช่วงหน้าฝน สร้างความมั่นใจ และปลอดภัยพร้อมไปได้ทุกที่ #GoAnywhere
กรุงเทพฯ (24 มิถุนายน, 2019) – ฤดูฝนของประเทศไทยได้เริ่มต้นเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม และจะถึงช่วงที่มีปริมาณฝนตกสูงสุดในเดือนกันยายน มีปริมาณน้ำฝนสูงสุดประมาณ 350 มม. ฝนที่ตกหนัก และจำนวนของตึกระฟ้าที่เพิ่มขึ้นมีโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมในเขตเมือง และทำให้มีการทรุดตัวของพื้นดินประมาณ 1-2 ซม. เป็นประจำทุกปี สิ่งเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยในเมือง โดยในปี 2560 เหตุการณ์น้ำท่วมในเขตเมืองส่งผลกระทบต่อรถยนต์กว่า 3,000 คัน โดยมีการเคลมประกันเป็นจำนวนเงินมากกว่า 45.6 ล้านบาท
เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขับขี่ และรถยนต์ จะไม่พบอุปสรรคเมื่อเกิดเหตุอุทกภัย นิสสันเผย 5 เคล็ดลับ สำหรับการขับขี่ในภาวะน้ำท่วม พร้อมเพิ่มรายละเอียดของนิสสันเทอร์ร่าสามารถลุยน้ำทีสูงถึง 800 มม. ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถไปได้ทุกที่ หรือ #GoAnywhere ในช่วงฤดูฝนนี้ได้อย่างไร :
1. ทราบระดับความลึกสูงสุดในการลุยน้ำของรถยนต์ – โดยความสูงนี้จะถูกตั้งค่าไว้สำหรับรถแต่ละคัน จากระบบที่มีโอกาสจะเกิดความเสียหาย เช่น ตำแหน่งของกรองอากาศและจานจ่าย ซึ่งนิสสันเทอร์ร่าที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีระยะห่างจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถที่สูงถึง 225 มม. ลุยน้ำที่สูงสุดถึง 800 มม.ได้อย่างมั่นใจ ด้วยความสูงขนาดนี้ เปรียบได้กับความสูงของพินโบว์ลิ่งสองกองซ้อนกันโดยท่านสามารถชมการพิสูจน์ความสามารถของเทอร์ร่า ซึ่งไม่เพียงขับขี่ได้ในสภาวะน้ำท่วมในเมืองเท่านั้น แต่ยังสามารถขับผ่านแม่น้ำที่มีกระแสน้ำแรงตามคลิปที่แนบมานี้
2. ใช้ความเร็วไม่เกิน 3 กม. / ชม.ในการลุยน้ำ เพื่อช่วยลดโอกาสที่น้ำจะเข้าสู่เครื่องยนต์ผ่านทางไส้กรองอากาศและสร้างความเสียหายให้กับชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ต่างๆ เนื่องจากขณะที่รถยนต์เคลื่อนที่ผ่านน้ำจะเกิด “คลื่น” โค้งขึ้นถึงบริเวณด้านหน้ารถ และระดับห้องเครื่องยนต์ สำหรับครื่องยนต์เทอร์โบคู่ขนาด 2.3 ลิตรของเทอร์ร่า ที่ให้กำลัง 190 แรงม้าและมีแรงบิดสูงถึง 450Nm พร้อมมอบพละกำลังมหาศาลให้ผู้ขับขี่สามารถเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่น้ำท่วมได้อย่างมั่นใจ
3. รักษาความเร็วให้คงที่ และไม่ปล่อยคันเร่ง - เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ผ่านทางท่อไอเสีย และด้วยฟีเจอร์อย่าง Hill Start Assist ทำให้เทอร์ร่า อยู่บนทางความลาดเอียงและพื้นที่เนินเขา ได้อย่างมั่นใจ แม้ในขณะที่ลุยน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้รถไหลถอยหลัง เพราะฟีเจอร์นี้จะรักษาแรงเบรกไว้สองถึงสามวินาที เพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาพอที่จะเปลี่ยนเท้าจากการเหยียบแป้นเบรกไปสู่คันเร่ง
4. เดินรถทีละคันผ่านพื้นที่น้ำท่วม เพื่อที่คุณจะไม่ต้องถูกบังคับให้หยุดอยู่กลางถนนที่ถูกน้ำท่วมขัง หากมีรถที่ติดค้างอยู่ข้างหน้า ด้วยมิติความกว้างด้านหน้าที่ 1.8 ม. เทอร์ร่ามีห้องโดยสารที่ออกแบบอย่างชาญฉลาดมีพื้นที่ใช้สอยมากมาย และยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถนำรถเดินทางฝ่าถนนขนาดแคบๆที่มีน้ำท่วมขังในเมืองได้
5. ตรวจสอบความผิดปกติของรถ หรือเศษดินโคลนที่อาจติดมากับรถ หลังจากข้ามพื้นที่น้ำท่วมได้อย่างปลอดภัย ด้วยการแสดงผลจากหน้าจอระบบ Advanced Drive-Assist Display ของเทอร์ร่าสามารถให้รายละเอียดของระบบต่างๆ จากแรงดันลมยาง ระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ไปจนถึงเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear-View Mirror ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นด้านหลังของรถที่ชัดเจนแม้จะมีสมาชิกในครอบครัวอยู่เต็มคัน รวมถึงให้มุมมองด้านหลังที่ไม่มีสิ่งกีดขวางด้านหลังรถผ่านกล้องที่ฝังอยู่ที่ฝาประตูหลัง
“เหตุการณ์น้ำท่วมในฤดูมรสุมทำให้เกิดความท้าทายครั้งใหญ่ในเมืองใหญ่ เช่นกรุงเทพฯ เพราะผู้คนไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ทันเวลาด้วยน้ำที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้น ก่อให้เกิดความล่าช้า ขณะที่ความปลอดภัยและความสามารถที่จะไปทุกที่ ทุกเวลาของลูกค้าของเรา คือหัวใจของสิ่งที่เราทำ ถือเป็นแรงบันดาลใจให้เรา ในการรับรองคุณสมบัติของนิสสันเทอร์ร่า ที่สามารถเดินทางผ่านพื้นที่ที่มีระดับน้ำสูง และสามารถเปลี่ยนวิธีในการขับขี่ของผู้คนด้วยความมั่นใจ” ฮิโรโนริ อาวาโน่ หัวหน้างานวิศวกรรมยานยนต์ของนิสสันเทอร์ร่า (Hironori Awano, Nissan Terra Chief Vehicle Engineer) กล่าว
“น้ำที่สูงเพียง 300 มม. สามารถทำให้รถติดอยู่ในน้ำได้หลายคัน และถ้าสูง 600 มม. ก็สามารถทำให้รถบรรทุกหรือรถที่ใช้งานบรรทุกหนักติดอยู่ได้ นิสสันตั้งเป้าหมายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ขับขี่ในภูมิภาคนี้เกี่ยวกับการขับขี่ในพื้นที่น้ำท่วมที่ปลอดภัย รวมถึงวิธีที่นิสสันเทอร์ร่าจะสามารถช่วยให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาง่ายยิ่งขึ้น”
ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของ นิสสัน เทอร์ร่า ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจของผู้ขับขี่สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และในสถานการณ์แบบออฟโรด ด้วยข้อมูลแบบอินโฟกราฟิกและ VDO ได้ที่นี่: https://drive.google.com/file/d/18Y1yWMKxx8BOmOS7BjJjYnSaTx7HwFDv/view?ts=5d105063
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2561 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.52 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.6 ล้านล้านเยน สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.76 ล้านคันในปี 2561
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube